Photo by Sixteen Miles Out on Unsplash |
เคยไหมรู้สึกเกลียดตัวเองอยู่บ่อย ๆ เพียงเพราะเราไม่สมบูรณ์แบบหรือไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเราต้องการ เราอาจจะเกลียดตัวเองที่หน้าตาไม่ดีเหมือนคนอื่น ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต รู้ว่าอยากเป็นคนที่ดีขึ้นแต่ก็ยากที่จะบังคับตัวเองให้ทำในสิ่งที่เราต้องการ หลายคนเชื่อว่าการตำหนิตัวเองและการเกลียดตัวเองจะทำให้เราพัฒนาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่เราจำเป็นที่จะต้องรู้สึกเกลียดตัวเองแบบนี้จริง ๆ หรือ เราเป็นคนที่ต้องอยู่กับตัวเองไปตลอดชีวิตจะดีกว่าไหมถ้าเรามาพยายามเอาชนะความรู้สึกนี้และหันมาพัฒนาตัวเองด้วยความรักและการปฏิบัติที่ดีต่อตัวเราเอง วันนี้เราจึงนำวิธีเอาชนะความรู้สึกเกลียดตัวเองมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ เพราะเราคือคนที่มีคุณค่าและสมควรได้รับความรักจากตัวเราเอง
1. ฝึกพูดกับตัวเองในแง่บวก
พยายามพูดสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองบ่อย ๆ แทนการดูถูกตัวเอง เพราะการที่เราพูดกับตัวเองในแง่ลบอยู่ตลอดเวลาจะทำให้เรามีความคิดที่แย่กับตัวเองและจะทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้น
2. โฟกัสกับจุดแข็งของตัวเอง
ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตัวเองถนัดและทำได้ดี อาจจะเป็นการเล่นกีฬา เล่นเครื่องดนตรี วาดรูป หรือแม้กระทั่งลักษณะนิสัยของตัวเราเองก็สามารถเป็นจุดแข็งได้ เช่น เป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น ชอบรับฟังเวลาเพื่อนมีปัญหา ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือเป็นคนที่รักสัตว์มาก ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดแข็งซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล และเราเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ดีและเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง แต่ถ้าเราไม่สามารถมองเห็นมันได้ในตอนนี้เพราะความรู้สึกเกลียดตัวเองที่ปกคลุมความคิดของเราทำให้เราคิดว่าเราไม่มีอะไรดี เราสามารถลองพูดคุยกับคนที่เราสนิทและไว้ใจก็ได้ค่ะ เพราะบางครั้งคนเหล่านั้นอาจเห็นสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น และแทนที่เราจะเอาเวลาไปหมกมุ่นกับข้อเสียและสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต ให้ลองหันมาโฟกัสกับจุดแข็งภายในตัวเรา เสริมสร้างความมั่นใจ และภูมิใจในตัวเองกันนะคะ
3. โฟกัสกับความสำเร็จ
สำหรับคนที่เกลียดตัวเองและมีความเชื่อว่าตัวเองคือความล้มเหลวจึงไม่รู้ว่าตัวเองมีความสำเร็จอะไรบ้างในชีวิต เราเชื่อว่าทุกคนต่างก็เคยประสบความสำเร็จกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่เราสามารถเอาชนะวันแย่ ๆ มาได้ การที่เราได้มอบความรักให้กับตัวเองและคนอื่น ๆ การที่เราสามารถดูแลและพึ่งพาตัวเองได้ ทุกอย่างในชีวิตล้วนเป็นความสำเร็จได้ทั้งนั้น เพราะความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และเป็นตัวเราเองที่กำหนดนิยามของความสำเร็จนั้นขึ้นมา เราอยากให้ทุกคนใช้เวลานึกถึงความสำเร็จในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ หรือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และโฟกัสไปกับมัน วิธีนี้จะช่วยทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ซึ่งเราไม่ใช่คนที่ล้มเหลวตลอดเวลาอย่างที่เราคิดค่ะ
4. ดูแลตัวเอง
เมื่อเราดูแลตัวเองเป็นประจำ เราจะรู้สึกดีทั้งภายในและภายนอก ซึ่งจะช่วยลดความรู้สึกแย่ ๆ ที่มีต่อตัวเราเองได้ เพื่อน ๆ สามารถดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเองได้โดยนอนหลับให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และใช้เวลากับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ออกไปเที่ยวข้างนอก เล่นกับสัตว์เลี้ยง เป็นต้นค่ะ
5. พาตัวเองไปอยู่กับพลังบวก
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ดี ๆ หนังสือเล่มโปรด และสิ่งที่ส่งผลต่อเรามากที่สุดก็คงจะเป็นผู้คนรอบตัวเราค่ะ เพราะสิ่งที่เราเก็บไว้ในชีวิตสามารถส่งผลต่อมุมมองที่เรามีต่อตัวเองได้ ดังนั้นลองพยายามเอาตัวเองไปอยู่กับคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา คอยสนับสนุนเรา และยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของเรากันดูนะคะ พยายามหลีกเลี่ยงคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเอง หรือคนที่ชอบตำหนิเราตลอดเวลา อย่างเราเองก็เคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่โดนต่อว่าอยู่บ่อย ๆ จนตอนนั้นมีความเชื่อว่าตัวเองดีไม่พอ และทุกอย่างก็คงเป็นความผิดของเราเอง แต่พอเราเอาตัวเองออกมาจากความสัมพันธ์นั้นก็พบว่าเราสามารถรักตัวเองและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นได้ค่ะ
6. ใจดีและมีเมตตาต่อตัวเอง
ทุกคนต่างมีข้อเสีย เคยทำผิดพลาด และประสบความล้มเหลวกันมาทั้งนั้น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบได้ทั้งหมด และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ค่ะ หากตอนนี้เพื่อน ๆ เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถเป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้ ลองหันมาปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความรัก ความใจดี และความเข้าใจเหมือนที่เราทำให้คนที่เรารักอยู่บ่อย ๆ ให้กำลังใจตัวเองแทนการตำหนิ ให้อภัยตัวเองจากความผิดพลาด เรียนรู้จากมัน และพยายามก้าวเดินต่อไปข้างหน้ากันค่ะ
7. ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงได้
บางครั้งการที่เรารู้สึกแย่กับตัวเองก็มาจากการที่เราตั้งเป้าหมายหรือความคาดหวังที่เกินจริงให้กับตัวเราเอง โดยเฉพาะคนที่รักความสมบูรณ์แบบอย่างเราก็ต้องเผชิญกับความรู้สึกนี้อยู่บ่อย ๆ รู้สึกว่าทำเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ วิธีแก้คือให้ลองแตกเป้าหมายใหญ่ให้เป็นเป้าหมายย่อย ๆ ที่เราสามารถทำให้สำเร็จได้ และให้โฟกัสกับความก้าวหน้าของงานมากกว่าความสมบูรณ์แบบค่ะ การต้องการให้งานออกมาดีเป็นสิ่งที่ดีแต่เราก็ควรตั้งขอบเขตให้กับมันกันด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้ตัวเราต้องเหนื่อยและรู้สึกแย่เกินไปที่ไม่สามารถไปถึงจุดสมบูรณ์แบบนั้นได้
8. ฝึกสติ
เช่น นั่งสมาธิ หรือหายใจเข้าออกลึก ๆ โดยให้ลองสังเกตความคิดและอารมณ์ของเราโดยไม่ต้องไปตัดสินมัน ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในตัวเองมากขึ้นค่ะ
9. ฝึกทบทวนตัวเอง
การเขียนบันทึกประจำวันเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เราสามารถทบทวนตัวเองได้ เราสามารถไตร่ตรองเหตุการณ์ต่าง ๆ ของวัน หรือผู้คนที่กระตุ้นให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองได้ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราเห็นถึงสาเหตุว่าทำไมเราถึงรู้สึกเกลียดตัวเอง และจะช่วยให้เราสามารถหาวิธีดูแลตัวเองให้รู้สึกดีมากขึ้นได้ค่ะ
10. ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ ทุกคนต่างมีข้อดีและข้อเสียที่ทำให้งดงามในแบบของตัวเอง และนั่นคือความจริงที่ทำให้เราไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว เราไม่จำเป็นต้องมีผิวขาวไร้จุดด่างดำเพื่อให้ตัวเองมีคุณค่า เราไม่จำเป็นต้องเก่งไปทุกเรื่องเพื่อให้ทุกคนยอมรับ และเราไม่จำเป็นต้องทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลาเพื่อให้คนอื่นมองว่าเราดูดี ดังนั้นเรามาปล่อยวางเป้าหมายและความคาดหวังที่เกินจริงที่เราสร้างไว้ให้กับตัวเราเอง ซึ่งเมื่อเราไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้แล้ว ก็จะทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองไปเรื่อย ๆ กันนะคะ ยอมรับว่าไม่เป็นไรเลยที่จะมีข้อบกพร่อง การที่เราไม่สามารถเป็นคนที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สังคมได้กำหนดไว้ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไร้ค่า เรามีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้ว อย่าให้มาตรฐานความงามที่สังคมกำหนดขึ้นมา หรือโซเชียลมีเดียมาทำให้เราต้องรู้สึกด้อยค่าและคิดว่าเราต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นถึงจะมีความสุขได้ เราสามารถกำหนดได้ว่าเราจะให้คุณค่ากับอะไร อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขจริง ๆ และเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเองที่ทำให้เรามีความสุขและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนค่ะ
เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกแย่กับตัวเองในบางครั้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องจมปลักกับมันนานจนกลายมาเป็นความรู้สึกเกลียดตัวเอง การเอาชนะความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ความอดทน และความเมตตาจากตัวเราเอง โดยเฉพาะกับคนที่รู้สึกเกลียดตัวเองอยู่บ่อย ๆ แต่เพราะเราสมควรได้รับความรักและมีความสุขกับการใช้ชีวิต เราจึงหวังว่าวิธีที่นำมาแชร์ในวันนี้จะสามารถช่วยให้เพื่อน ๆ รู้สึกดีขึ้นกันได้บ้างนะคะ
⭐ บทความอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด