Skip to main content

ติดตาม
My Self-Love Journey

เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความการรักและพัฒนาตัวเองดี ๆ

    We won't send you spam. Unsubscribe at any time.

    10 วิธีเลิกนิสัยชอบวิจารณ์ตัวเอง

    Photo by Sixteen Miles Out on Unsplash

    เราต่างเคยทุกข์ใจและไม่ชอบเมื่อโดนคนอื่นวิจารณ์อยู่บ่อย ๆ แต่บางครั้งก็เป็นตัวเราเองที่ชอบวิจารณ์ตัวเอง เราตั้งความคาดหวังที่สูงส่งให้กับตัวเอง และเราตำหนิตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่บางครั้งอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ หรือเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสภาพจิตใจของเรา ทำให้เรามองตัวเองในแง่ลบจนเกิดความรู้สึกด้อยค่า วันนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปรักตัวเองและปล่อยวางนิสัยชอบวิจารณ์ตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้กันค่ะ

    1. ใจดีกับตัวเองให้มาก ๆ

    แทนที่จะตำหนิและตัดสินตัวเองในแง่ลบเมื่อทำผิดพลาดหรือเผชิญกับความล้มเหลว เราสามารถเลือกปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความรักและความอ่อนโยนได้ ซึ่งการที่เราใจดีกับตัวเองนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะเมินเฉยต่อการกระทำของเราหรือความผิดพลาดเหล่านั้น แต่เป็นการที่เราเลือกที่จะรับผิดชอบโดยรับรู้ เรียนรู้จากมัน และนำบทเรียนที่ได้มาใช้พัฒนาตัวเอง อย่าลืมให้กำลังใจตัวเอง เข้าใจความเป็นมนุษย์และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองแทนการดูถูกตัวเองจนทำให้เกิดความรู้สึกไร้ค่ากันนะคะ

    2. พยายามพูดกับตัวเองในแง่บวก

    เลือกใช้คำพูดที่แสดงถึงการมีเมตตาต่อตัวเองและให้กำลังใจตัวเองแทนการพูดตำหนิหรือดูถูกตัวเอง เราไม่สามารถรู้สึกดีกับตัวเองด้วยการใช้คำพูดแย่ ๆ กับตัวเองได้ สิ่งที่เราพูดกับตัวเองอยู่บ่อย ๆ ส่งผลต่อมุมมองที่เรามีต่อตัวเอง ถ้าหากเราฝึกพูดกับตัวเองในแง่บวกอยู่บ่อย ๆ แล้วก็จะทำให้เรารับรู้ได้ว่าเราเป็นคนที่รักและใส่ใจตัวเองค่ะ

    3. ฝึกให้อภัยตัวเอง

    ให้อภัยตัวเองจากความผิดพลาดในอดีต ความล้มเหลวที่ต้องเผชิญ ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง และให้อภัยตัวเองที่ไม่สามารถทำตามสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไว้ได้ ทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาด และบ่อยครั้งเราเองก็ได้พยายามทำมันให้ดีที่สุดแล้วแม้จะไม่รู้สึกแบบนั้นก็ตามเพราะการกดดันตัวเองที่มากจนเกินไป แต่เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อเปลี่ยนแปลงการกระทำของเราได้ เราจึงทำได้แค่เรียนรู้จากมันและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้นด้วยการพยายามไม่ทำมันซ้ำอีก

    4. ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ

    ทุกคนล้วนมีข้อบกพร่อง แต่ข้อบกพร่องเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คุณค่าความเป็นคนของเราลดลง แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์และงดงามในแบบของเราเอง การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบจะทำให้เราสามารถยอมรับตัวตนที่่แท้จริงของตัวเราเองได้และรับรู้ข้อบกพร่องของตัวเองโดยไม่เอาคุณค่าไปผูกติดกับมัน หลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายที่เกินจริงให้กับตัวเองและเลือกที่จะตั้งเป้าหมายที่สามารถเป็นจริงได้ให้ตัวเองได้เติบโตในทุก ๆ วัน เป็นตัวเองที่ดีขึ้นแต่ยังคงรักทุกส่วนที่เป็นเรา ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตที่แท้จริงต่อตัวเราเองได้ค่ะ

    5. ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

    การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่บ่อย ๆ จะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ และเกิดการวิจารณ์ตัวเองตามมาได้ ทุกคนล้วนมีเส้นทางเป็นของตัวเอง และถึงแม้เส้นทางของเราอาจจะไม่เหมือนคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรานั้นล้มเหลวกับการใช้ชีวิต ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่าเส้นทางไหนดีที่สุดสำหรับแต่ละคน เพราะทุกคนผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มาไม่เหมือนกันจึงเป็นเราเท่านั้นที่รู้ได้ว่าสิ่งไหนดีและเหมาะสมกับตัวเราเอง อย่าให้คนอื่นมาทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ากันเลยนะคะ โฟกัสกับเส้นทางของตัวเอง เชื่อมั่นว่าถ้าหากเราใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์และพยายามให้ดีที่สุดในทุก ๆ วันแล้ว ในไม่ช้าโอกาสของเราก็จะมาถึงเองค่ะ

    6. จำกัดเวลาการใช้โซเชียลมีเดียให้กับตัวเอง

    โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ที่เราสามารถเห็นโลกที่สมบูรณ์แบบของแต่ละคนได้ และบางครั้งภาพสวยงามเหล่านั้นก็โปรโมตมาตรฐานความงามหรือความสำเร็จที่เกินจริงนำมาซึ่งการเปรียบเทียบและการกดดันตัวเองว่าเราควรต้องเป็นแบบนั้น แต่เพราะเราไม่สามารถรู้เบื้องหลังการใช้ชีวิตของผู้คนเหล่านั้นได้ ภาพที่เราเห็นจึงไม่ได้ตรงกับความเป็นจริงเสมอไป เราจึงควรมีสติและลดการใช้งานโซเชียลมีเดียลงหากการใช้งานที่มากเกินไปทำให้เราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ตั้งความคาดหวังที่เกินจริงให้กับตัวเอง และวิจารณ์ตัวเองอยู่บ่อย ๆ ค่ะ

    7. ฝึกสร้างความตระหนักรู้ในตัวเอง

    พยายามมีสติและรับรู้เมื่อกำลังวิจารณ์ตัวเองอยู่ และทำความเข้าใจถึงสิ่งที่กระตุ้นให้เราวิจารณ์ตัวเองอยู่บ่อย ๆ เพื่อที่เราจะได้หาทางรับมือกับมันได้ค่ะ

    8. เรียนรู้จากคำวิจารณ์

    บางคำวิจารณ์หากเราเลือกที่จะมองมันอย่างมีสติแทนการจมปลักอยู่กับมันก็จะทำให้เราสามารถเรียนรู้จากมันและนำมาใช้พัฒนาตัวเองได้ เช่น เราอาจจะตำหนิตัวเองที่ขี้เกียจอ่านหนังสือจนสอบตก แต่แทนที่เราจะหมกมุ่นกับมันมากจนเกินไปจนทำให้เราเชื่อว่าเราเป็นคนที่แย่เพียงเพราะเหตุการณ์ ๆ นั้น เราก็สามารถเลือกที่จะทำความเข้าใจและเรียนรู้จากมันโดยการพยายามเตรียมพร้อมสำหรับการสอบครั้งต่อไป เป็นต้นค่ะ

    9. ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง

    ใส่ใจกับกิจกรรมที่ช่วยดูแลสภาพจิตใจและร่างกายของตัวเองให้มาก ๆ ให้เวลากับสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ฟังเพลงที่ทำให้รู้สึกดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้เวลาตัวเองได้ออกจากโลกออนไลน์และใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันบ้าง เป็นต้น เพราะเมื่อเราดูแลตัวเองแล้วเราก็จะรู้สึกดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะช่วยลดความคิดในแง่ลบที่มีต่อตัวเองและการวิจารณ์ตัวเองให้น้อยลงได้ค่ะ

    10. พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เป็นพลังบวก

    ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่คอยสนับสนุนเรา ให้กำลังใจเรา หรือเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับเรา สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ร้านหนังสือที่เต็มไปด้วยความรู้และแรงบันดาลใจ ร้านกาแฟที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องดื่มและขนมต่าง ๆ เป็นต้นค่ะ

    บางครั้งเรามักจะจมอยู่กับการวิจารณ์ตัวเองในแง่ลบที่เราตัดสินตัวเอง โทษตัวเอง และโฟกัสแต่กับข้อเสียของตัวเองหรือความล้มเหลวในชีวิตมากเกินไปจนทำให้สภาพจิตใจของเราแย่ลงและทำให้ไม่มีความสุขกับชีวิต การหันมามอบความรักและการปฏิบัติที่ดีต่อตัวเราเองด้วย 10 วิธีที่เรานำมาแชร์นี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถยอมรับตัวเองและพัฒนาตัวเองได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ

    ⭐ บทความอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด

    เลิกวิจารณ์ตัวเอง รักตัวเอง

    Popular posts from this blog

    อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด เขียนโดย ดร. หลิวเพ่ยเซวียน

    📘 หนังสือ: อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด เขียนโดย ดร. หลิวเพ่ยเซวียน เคยไหมพยายามวิ่งหนีอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองแต่กลับพบว่ามันไม่เคยจากเราไปไหนเลย ความเศร้าจากการถูกคนรักบอกเลิก ความโกรธจากการถูกหักหลัง ไม่ว่าจะผ่านไปนานสองเดือนหรือสองปี มันก็ยังสามารถกลับมาทำร้ายจิตใจของเราได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด เป็นหนังสือที่เราได้อ่านในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิต เพราะหนังสือเล่มนี้เราจึงเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและกล้าเผชิญกับมันมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราฟื้นตัวจากความเจ็บปวดได้ วันนี้เราจึงอยากนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้มาแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ กันค่ะ   1. เมื่อเรากลัวการเผชิญกับความรู้สึก เราจะไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการได้ 2. ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเราไม่ใช่ความผิดของเรา แต่การฟื้นตัวเป็นหน้าที่ของเราและไม่มีใครสามารถทำแทนเราได้ 3. การเฉยชาต่ออารมณ์ช่วยให้เราไม่ต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ปิดกั้นความสวยงามของโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน 4. การที่เราจะเข้าสู่โลกภายในจิตใจของตัวเราเองได้นั้น เราจะต...

    10 วิธีให้อภัยตัวเอง

    Photo by Carli Jeen on Unsplash เราต่างเคยตัดสินใจผิดพลาด ประสบความล้มเหลว ทำลายความรู้สึกของคนที่เรารัก และถึงแม้มันจะเกิดขึ้นมานานแล้ว ความรู้สึกที่ว่าเราเป็นคนไม่ดีเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นยังคงอยู่ ทำให้เราไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ แต่อดีตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ การที่เราลงโทษตัวเองด้วยความรู้สึกผิดไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข วันนี้เราจึงนำวิธีให้อภัยตัวเองมาแชร์ให้กับเพื่อน ๆ กันค่ะ เพราะการให้อภัยตัวเองจะช่วยให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้โดยที่ไม่ต้องแบกความรู้สึกผิดไว้กับตัวเองอีกต่อไป 1. เรียนรู้จากความผิดพลาด พยายามทำความเข้าใจเหตุผลของการกระทำของเรา ทบทวนตัวเองว่าทำไมเราถึงทำผิดพลาดในตอนนั้น และมีอะไรที่เราสามารถแก้ไขได้หรือทำให้ดีกว่านี้ได้บ้าง และแทนที่จะโฟกัสกับเหตุการณ์แย่ ๆ ก็ให้โฟกัสกับสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้ นำประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีตมาเป็นบทเรียนให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเราต้องทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีก การให้ความสำคัญกับบทเรียนที่ได้แทนการจมปลักกับความรู้สึกแย่ ๆ จะทำให้เราเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่า...