Skip to main content

ติดตาม
My Self-Love Journey

เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความการรักและพัฒนาตัวเองดี ๆ

    We won't send you spam. Unsubscribe at any time.

    10 วิธีรับมือกับความท้าทายในชีวิต เพื่อเติบโตเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม

    Photo by Cole Freeman on Unsplash

    บางครั้งชีวิตก็ยากเกินจะรับมือไหว พยายามใช้ชีวิตให้ดีในทุก ๆ วัน ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จในชีวิตเพราะคิดว่าชีวิตหลังจากนี้จะง่ายขึ้น และเราจะได้มีความสุขเหมือนคนอื่นสักที แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอไป การที่เราก้าวข้ามด่านที่เราคิดว่ายากมาได้แล้ว ไม่ได้แปลว่าต่อจากนี้ทุกอย่างจะง่ายขึ้น ชีวิตจะมีเรื่องท้าทายใหม่ ๆ มาให้เราเจอในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ปัญหาจากที่ทำงาน ความไม่มั่นคงทางการเงิน หรือแม้กระทั่งความคิดแง่ลบที่เรามีต่อตัวเองที่ชอบผุดขึ้นมาทำให้เรารู้สึกด้อยค่าอยู่บ่อย ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เรารู้สึกเครียด หดหู่กับชีวิต และอยากจะยอมแพ้ให้มันจบ ๆ ไปกันได้ทั้งนั้น วันนี้เราเลยนำวิธีที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ รับมือกับความท้าทายในชีวิตและกลายเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

    1. ให้ความสำคัญกับ Growth Mindset

    Growth Mindset เป็นพื้นฐานที่ดีที่จะช่วยให้เรารับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะมองว่าอุปสรรคเป็นความล้มเหลวและชีวิตเราจะดีขึ้นไม่ได้แล้ว ก็ให้พยายามเปลี่ยนมุมมองเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้ เติบโต และเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม เราเข้าใจว่าการปรับมุมมองความคิดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามและเวลา โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องเจอกับความท้าทาย บางครั้งการได้คิดในแง่ลบ โทษสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรารวมถึงตัวเราเองก็คงง่ายกว่า แต่ความคิดแบบนี้จะทำให้เราติดอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตนี้ไม่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้และเราต้องรู้สึกทุกข์ใจไปตลอดโดยไม่มีทางเลือก ความท้าทายและความลำบากล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ถ้าเราลองปรับมุมมองความคิดสักนิด สิ่งนี้จะทำให้เราเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสได้อย่างแน่นอนค่ะ

    2. หันกลับมารักและดูแลตัวเองให้มาก ๆ 

    ช่วงเวลาที่เราต้องเจอกับความลำบาก จำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องรักและดูแลตัวเอง ใจดีกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง โอบกอดตัวเองให้ผ่านความท้าทายในชีวิตไปให้ได้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการนอนหลับให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และใช้เวลากับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขหรือกิจกรรมที่ช่วยคลายความเครียด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการได้ดูหนังเรื่องโปรด การใช้เวลากับคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ การทำงานอดิเรกต่าง ๆ วาดรูป ฟังเพลง อ่านหนังสือ ทำอาหาร เต้น ลองทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองมีความสุขแต่ต้องส่งผลดีต่อตัวเองกันด้วยนะคะ เพราะในช่วงเวลาลำบากแบบนี้ก็อาจทำให้เราอยากพึ่งทางลัดหรือใช้วิธีที่อาจจะส่งผลเสียในระยะยาวได้

    3. หมั่นเติมความรู้ให้กับตัวเอง

    อ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ เรียนคอร์สออนไลน์ พูดคุยกับคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา จะช่วยให้ให้เราได้รับความรู้และมุมมองใหม่ ๆ ในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิตได้ อย่างของเราเองก็จะชอบอ่านหนังสือแนวรักและพัฒนาตัวเอง ได้ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมทางคอยแก้ปัญหาไปด้วยกันเลยค่ะ

    4. ฝึกขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต

    ขอบคุณที่วันนี้อากาศเย็นสบาย ได้ใช้เวลากับคนที่รัก ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ได้เห็นแมวน่ารัก ๆ ได้ทานอาหารอร่อย ๆ ได้ดูหนังสนุก ๆ หรือได้อ่านหนังสือที่ชอบ เราสามารถขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ได้มากมายไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ หรือยิ่งใหญ่ การพยายามมองเห็นและรู้สึกขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตจะช่วยให้เราเห็นคุณค่ากับสิ่งที่มีในชีวิตมากขึ้นและลดความรู้สึกด้อยค่าในตัวเองลงค่ะ ตั้งแต่ที่เราทำมาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ และจะไม่ค่อยต้องการของที่ไม่จำเป็นจริง ๆ ถึงจะมีไม่มากแต่ก็ยังรู้สึกมีความสุขกับชีวิตได้ เป็นวิธีที่อยากแนะนำมาก ๆ ค่ะ เพราะบางครั้งความสุขก็มาจากสิ่งเรียบง่ายที่เรามักจะมองข้ามไป

    5. สร้างทักษะการแก้ปัญหา

    รับรู้ถึงปัญหาที่กำลังกวนใจเราอยู่ จากนั้นลองแตกปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย ๆ ดูว่าแต่ละปัญหามีวิธีการแก้อย่างไร และผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง จากนั้นก็ให้ตัดสินใจเลือกวิธีที่เราคิดว่าดีที่สุดและลงมือแก้ปัญหาไปทีละขั้นตอนค่ะ

    6. เพิ่มทักษะพลังฟื้นใจ 

    พลังฟื้นใจ (Resilience) คือความสามารถในการฟื้นตัวจากสถานการณ์อันยากลำบาก ซึ่งก็คือไม่ว่าเราจะล้มสักกี่ครั้งเราก็จะสามารถลุกขึ้นมาแล้วเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งนั่นเองค่ะ เราสามารถลองเปลี่ยนมุมมองความคิดที่มีต่ออุปสรรคที่เรากำลังเผชิญอยู่ให้เป็นโอกาส โฟกัสกับจุดแข็งของตัวเองและความสำเร็จที่ผ่านมา เชื่อมั่นในตัวเองให้มาก ๆ เผชิญหน้ากับสิ่งที่เราคิดว่ายากหรือกำลังกลัวอยู่ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความล้มเหลว ความรู้สึกอึดอัดจากงานที่เราคิดว่ามันยาก พยายามอย่ายอมแพ้และเตือนตัวเองเสมอว่าเรามีความสามารถมากพอที่จะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคและความท้าทายในชีวิตไปได้

    7. ฝึกสติ

    การที่เราอยู่กับปัจจุบันและควบคุมระดับความเครียดของตัวเองผ่านวิธีง่าย ๆ เช่น หายใจเข้าออกลึก ๆ นั่งสมาธิ จะช่วยให้เพื่อน ๆ รู้สึกมั่นคงกับตัวเอง และเมื่อเจอปัญหาเราก็จะสามารถรับมือกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

    8. เขียนบันทึกประจำวัน

    เราต่างต้องเจอเรื่องที่ทำให้เราต้องคิดมากในทุก ๆ วัน การฝึกเขียนบันทึกประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึกต่าง ๆ สถานการณ์อันย่ำแย่ หรือปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ จะทำให้เรามองเห็นว่าอะไรที่กำลังรบกวนจิตใจและการใช้ชีวิตของเราอยู่ได้ชัดเจนมากขึ้น และเราจะสามารถคิดหาวิธีเพื่อแก้ไขมันได้ค่ะ หรือจะเขียนถึงสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้เพื่อโฟกัสกับสิ่งที่เป็นบวกก็ถือว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจเช่นเดียวกันค่ะ

    9. พยายามเรียนรู้จากความท้าทายนั้น

    เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะรู้สึกแย่ เราอาจจะรู้ว่าต้องทำอะไรให้รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถดึงตัวเองให้ทำสิ่งนั้นได้อยู่ดี แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ได้ให้เวลาตัวเองได้เผชิญกับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างเต็มที่แล้วและพร้อมที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ของตัวเอง ก็ให้ลองมาคิดทบทวนถึงสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้กับมันได้กันดูค่ะ หรือจะคิดว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้แล้วพวกเราจะเติบโตเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นได้อย่างแน่นอน แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ

    10. แบ่งเวลาให้ตัวเองได้พักจากปัญหาบ้าง

    เมื่อเพื่อน ๆ รู้สึกว่าความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มันมากเกินไป ไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไรก่อนดี ลองให้เวลาตัวเองได้พักและเพิ่มพลังให้ตัวเองกันก่อนค่ะ อาจจะออกไปเดินเล่นข้างนอก ฟังเพลง เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือทำอะไรสนุก ๆ ถึงแม้จะยังคงมีความรู้สึกคิดมากไม่อยากปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย แต่ถ้าเราฝืนแก้ปัญหาโดยที่เราไม่สามารถคิดให้ชัดเจนได้นั้นอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงได้ การกำหนดเวลาพักให้ตัวเองนี้จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น และเมื่อสมองของเราปลอดโปร่งก็จะทำให้ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเราดีขึ้นได้ค่ะ

    อุปสรรคและความท้าทายเป็นสิ่งที่เราต้องเจอในชีวิตและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีวิธีใดที่จะป้องกันเราจากความยากลำบากและความทุกข์ใจที่ตามมาได้อย่างเด็ดขาด เราจึงได้แต่หวังว่าวิธีรับมือที่นำมาแชร์ในวันนี้จะเป็นตัวช่วยให้กับเพื่อน ๆ ในยามที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในชีวิตได้บ้าง ถึงแม้วันนี้จะยากกว่าทุก ๆ วัน เพียงแค่เราลองให้เวลาตัวเองสักนิด หันกลับมามอบความรักให้กับตัวเอง ดูแลตัวเองให้มาก ๆ สร้างพลังใจให้กับตัวเอง สุดท้ายนี้ช่วงเวลาแย่ ๆ เหล่านี้ก็จะผ่านไปได้แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้สึกแบบนั้นก็ตาม แต่ถ้ามองถึงตัวเราที่ผ่านทุกอย่างในอดีตมาได้แล้วก็จะทำให้เรามีความหวังว่าสักวันหนึ่งเราก็จะรู้สึกดีขึ้นมาได้อีกครั้ง และท้ายที่สุดนี้ถ้าหากเพื่อน ๆ รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นี้ยากเกินจะรับมือไหว อย่าลืมพูดคุยกับคนที่ไว้ใจและขอความช่วยเหลือเมื่อต้องการกันด้วยนะคะ อย่าลืมว่าเพื่อน ๆ ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และไม่จำเป็นต้องผ่านช่วงเวลาลำบากนี้ไปคนเดียวด้วย มีคนที่พร้อมจะรับฟังและอยู่เคียงข้างเพื่อน ๆ เสมอแม้ความรู้สึกเศร้าใจจะทำให้เราไม่คิดแบบนั้นก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเผชิญกับเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจอยู่ให้ผ่านมันไปให้ได้นะคะ เราเองก็เขียนบทความนี้ในตอนที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในชีวิตเช่นกัน หวังว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทางให้กับเพื่อน ๆ กันได้บ้างนะคะ

    ⭐ บทความอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด

    ความท้าทายในชีวิต ความเข้มแข็ง

    Popular posts from this blog

    10 วิธีเลิกนิสัยชอบวิจารณ์ตัวเอง

    Photo by Sixteen Miles Out on Unsplash เราต่างเคยทุกข์ใจและไม่ชอบเมื่อโดนคนอื่นวิจารณ์อยู่บ่อย ๆ แต่บางครั้งก็เป็นตัวเราเองที่ชอบวิจารณ์ตัวเอง เราตั้งความคาดหวังที่สูงส่งให้กับตัวเอง และเราตำหนิตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่บางครั้งอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ หรือเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสภาพจิตใจของเรา ทำให้เรามองตัวเองในแง่ลบจนเกิดความรู้สึกด้อยค่า วันนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปรักตัวเองและปล่อยวางนิสัยชอบวิจารณ์ตัวเองด้วยวิธีเหล่านี้กันค่ะ 1. ใจดีกับตัวเองให้มาก ๆ แทนที่จะตำหนิและตัดสินตัวเองในแง่ลบเมื่อทำผิดพลาดหรือเผชิญกับความล้มเหลว เราสามารถเลือกปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความรักและความอ่อนโยนได้ ซึ่งการที่เราใจดีกับตัวเองนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะเมินเฉยต่อการกระทำของเราหรือความผิดพลาดเหล่านั้น แต่เป็นการที่เราเลือกที่จะรับผิดชอบโดยรับรู้ เรียนรู้จากมัน และนำบทเรียนที่ได้มาใช้พัฒนาตัวเอง อย่าลืมให้กำลังใจตัวเอง เข้าใจความเป็นมนุษย์และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองแทนการดูถูกตัวเองจนทำให้เกิดความรู้สึกไร้ค่ากันนะคะ 2. พยายามพูดกับตัวเองใน...

    อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด เขียนโดย ดร. หลิวเพ่ยเซวียน

    📘 หนังสือ: อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด เขียนโดย ดร. หลิวเพ่ยเซวียน เคยไหมพยายามวิ่งหนีอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองแต่กลับพบว่ามันไม่เคยจากเราไปไหนเลย ความเศร้าจากการถูกคนรักบอกเลิก ความโกรธจากการถูกหักหลัง ไม่ว่าจะผ่านไปนานสองเดือนหรือสองปี มันก็ยังสามารถกลับมาทำร้ายจิตใจของเราได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด เป็นหนังสือที่เราได้อ่านในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิต เพราะหนังสือเล่มนี้เราจึงเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและกล้าเผชิญกับมันมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราฟื้นตัวจากความเจ็บปวดได้ วันนี้เราจึงอยากนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้มาแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ กันค่ะ   1. เมื่อเรากลัวการเผชิญกับความรู้สึก เราจะไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการได้ 2. ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเราไม่ใช่ความผิดของเรา แต่การฟื้นตัวเป็นหน้าที่ของเราและไม่มีใครสามารถทำแทนเราได้ 3. การเฉยชาต่ออารมณ์ช่วยให้เราไม่ต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ปิดกั้นความสวยงามของโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน 4. การที่เราจะเข้าสู่โลกภายในจิตใจของตัวเราเองได้นั้น เราจะต...

    10 วิธีให้อภัยตัวเอง

    Photo by Carli Jeen on Unsplash เราต่างเคยตัดสินใจผิดพลาด ประสบความล้มเหลว ทำลายความรู้สึกของคนที่เรารัก และถึงแม้มันจะเกิดขึ้นมานานแล้ว ความรู้สึกที่ว่าเราเป็นคนไม่ดีเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นยังคงอยู่ ทำให้เราไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ แต่อดีตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ การที่เราลงโทษตัวเองด้วยความรู้สึกผิดไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข วันนี้เราจึงนำวิธีให้อภัยตัวเองมาแชร์ให้กับเพื่อน ๆ กันค่ะ เพราะการให้อภัยตัวเองจะช่วยให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้โดยที่ไม่ต้องแบกความรู้สึกผิดไว้กับตัวเองอีกต่อไป 1. เรียนรู้จากความผิดพลาด พยายามทำความเข้าใจเหตุผลของการกระทำของเรา ทบทวนตัวเองว่าทำไมเราถึงทำผิดพลาดในตอนนั้น และมีอะไรที่เราสามารถแก้ไขได้หรือทำให้ดีกว่านี้ได้บ้าง และแทนที่จะโฟกัสกับเหตุการณ์แย่ ๆ ก็ให้โฟกัสกับสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้ นำประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีตมาเป็นบทเรียนให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเราต้องทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีก การให้ความสำคัญกับบทเรียนที่ได้แทนการจมปลักกับความรู้สึกแย่ ๆ จะทำให้เราเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่า...